เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆที่เกิดขึ้นทำให้เกิดสิ่งประดิษฐ์ที่อำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน ทำให้เกิดการซื้อขายและเปลี่ยนสินค้า และเกิดศูนย์กลางการกระจายสินค้าและแลกเปลี่ยนระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภคจนกลายเป็นรากฐานสำคัญของระบบเศรษฐกิจในปัจจุบัน
ในการประดิษฐ์คิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคนั้น สิ่งแรกที่ผู้ประกอบการควรคำนึงถึง คือคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ โดยผลิตภัณฑ์นี้ต้องเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ ไม่ซ้ำกับของเดิมที่มีขายอยู่ในท้องตลาด ซึ่งผู้ประกอบการควรใส่ใจถึงรูปลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ให้มาก เพื่อให้สินค้าของตนมีความโดดเด่นเข้าตาผู้บริโภค
โอกาสทางการตลาด ควรมีการประเมินก่อน ไม่ใช่ว่าเมื่อคิดค้นผลิตภัณฑ์ออกมาแล้วนำไปขายในท้องตลาดทันทีซึ่งเป็นความผิดพลาดอย่างมหันต์และยากที่จะได้รับการอภัยในการบริหารธุรกิจแบบมืออาชีพ ซึ่งข้อปฏิบัติที่ถูกต้องตามหลักทฤษฎีที่พึงกระทำคือ ผู้ประกอบการต้องดูความเป็นไปได้ทางการตลาดของผลิตภัณฑ์นั้นๆ เสียก่อนว่ามีโอกาสการต่อสู้และสร้างส่วนแบ่งได้มากขนาดไหน และคอยดูว่าจะได้ผลตอบแทนมากน้อยเพียงใด และสินค้านั้นเป็นความต้องการของผู้บริโภคหรือไม่ เพราะสินค้าประเภทสิ่งประดิษฐ์ถูกคิดค้นให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคเป็นลำดับแรก ดังนั้นควรต้องดูก่อนว่าในเวลานั้นสินค้าประเภทนี้ผู้บริโภคต้องการหรือไม่ นอกจากนี้ควรจัดโปรโมชั่น ถือเป็นตัวช่วยในการดึงดูลูกค้า เร่งการตอบสนองของผู้บริโภคมากขึ้นด้วยการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย อาทิ การลดราคา การแถมสินค้า เป็นต้น เพื่อช่วยให้การทำโปรโมชั่นตามแผนงานประสบความสำเร็จจูงใจและช่วยต่อยอดให้กับธุรกิจรวดเร็วยิ่งขึ้นนั่นเอง
แผนการตลาดที่ดีต้องมีการวางแผนไว้ล่วงหน้า วิเคราะห์ข้อมูลด้านการลงทุน การบัญชี แหล่งเงินทุนต่างๆ ซึ่งการวางแผนที่ดีจะช่วยให้ประสบความสำเร็จในธุรกิจได้มากกว่าครึ่งเลยทีเดียว จากที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงโครงสร้างในการประกอบธุรกิจเท่านั้น ผู้ประกอบการควรนำไปปรับใช้กับธุรกิจของตน อีกทั้งแต่ละบริษัทมีปัญหาที่แตกต่างกันออกไป แม้จะใช้วิธีเดียวกันก็อาจให้ผลที่แตกต่างกันได้ ต้องพิจารณาถึงความคุ้มค่าจากการลงทุนและลงเล่นในตลาดดังกล่าวว่าจะให้ผลตอบรับกลับมาในทิศทางและอันดับที่น่าพอใจหรือไม่ เมื่อพิจารณาจากศักยภาพของการตลาดและการเติบโตของเศรษฐกิจ