การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการทำธุรกิจในยุคนี้จะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่การนำเทคโนโลยีมาใช้ก็ควรจะมีการเลือกให้เหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุดคุ้มค่ากับการลงทุน ดังเช่นคำแนะนำต่อไปนี้
– หาตัวช่วยด้านเทคโนโลยี โดยการสำรองข้อมูลในคอมพิวเตอร์ ทางเดียวที่จะช่วยให้ใช้เทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพที่สุดก็คือการว่างจ้างบริษัทหรือผู้เชี่ยวชาญให้มาดูแลงานส่วนนี้
– นำเทคโนโลยีเคลื่อนที่มาใช้ในธุรกิจ เป็นตัวเลือกที่จำเป็นมิใช่น้อย เพราะการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้จะทำให้เข้าถึงอีเมล แฟกซ์ ไฟล์งานต่างๆ ในออฟฟิศได้เสมือนอยู่ในออฟฟิศ โดยที่ไม่ต้องคอยบอกลูกค้าว่ายังไม่ได้รับแฟกซ์หรือข้อความใดๆ ซึ่งทำให้ปราศจากความคล่องตัวในการทำงานหรืออาจจะถึงขั้นสูญเสียลูกค้าก็เป็นได้
– ให้ความสำคัญกับการสื่อสารออนไลน์ การได้แสดงความเห็นกับลูกค้า ตอบสนองในสิ่งที่พวกเขาเรียกร้อง อัพโหลดวีดีโอที่น่าสนใจ การสื่อสารในรูปแบบนี้ไม่ใช่แค่การนำเสนอเนื้อหาดีๆ หรือการสื่อสารทางเดียวแบบที่ผ่านๆ มา แต่การใช้ Social Media ช่วยให้ได้พูดคุยกับลูกค้าตัวจริง ให้ลูกค้าได้พูดคุยกันเองเกี่ยวผลิตภัณฑ์ได้ แต่การจะใช้ประโยชน์ของสิ่งเหล่านี้ให้คุ้มค่าจะต้องมีหลายปัจจัยรวมกัน
– อย่ามองการใช้เงินด้านเทคโนโลยีเป็นค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นข้อผิดพลาดอย่างยิ่ง ถ้าต้องการให้ธุรกิจยืนยาวตลอดไป การลงทุนด้านเทคโนโลยีเพื่อให้ธุรกิจเติบโตนั้นมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะการเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมจะช่วยให้ประหยัดทั้งเงินและเวลา ดังนั้นอย่ามองธุรกิจแค่ในวันนี้
เป้าหมายของนักธุรกิจทุกคนอยู่ที่ยอดจำหน่ายสินค้าหรือการให้บริการ เพราะเมื่อมียอดสั่งซื้อจำนวนมากผลตอบแทนหรือผลกำไรที่จะได้รับก็มากด้วย ซึ่งวิธีนี้เป็นการทำการตลาดที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ในเวลาอันรวดเร็ว โดยสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ทั่วโลกหรือแบบเฉพาะเจาะจงแล้วแต่ความต้องการของลูกค้า ดังนั้น การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ใจะช่วยพลิกโฉมการให้บริการทางการเงินใหม่เปลี่ยนถ่ายจากรูปแบบเดิมๆ สู่การให้บริการในโลกอนาคตที่พัฒนาตามเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคก็เปลี่ยนตาม เพราะนอกจากจะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันแล้ว ยังตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ทันสมัยได้
Month: October 2015
ตลาดของสินค้าและบริการ SMEs
ก่อนตัดสินใจลงทุนทำธุรกิจใดๆนั้น สิ่งสำคัญคือ จะต้องวิเคราะห์โครงการ โดยใช้หลักคิดร่วมกันอย่างเป็นระบบ รอบคอบ ซึ่งทำให้กลุ่มผู้ผลิตทำงานได้ง่ายขึ้น สามารถติดตาม ประเมินผล และรู้วิธีแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ การตลาด SMEs หมายถึง การดำเนินงานต่างๆที่ธุรกิจต้องทำเพื่อสร้าง/ ส่งเสริม และจำหน่ายจ่ายแจกสินค้า และบริการตามความต้องการของลูกค้าและสอดคล้องตามกำลังผลิตของธุรกิจ รวมไปถึงการศึกษาความต้องการของลูกค้าและการทำให้กิจการสามารถผลิตสินค้าได้ตรงตามความต้องการของตลาด
ตลาดของสินค้าและบริการ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
- ตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ กลุ่มลูกค้าเป็นบุคคลทั่วไป เนื่องจากจาเป็นต้องใช้ในชีวิตประจาวัน ความต้องการในการซื้อสินค้าประเภทนี้จะซื้อบ่อย แต่ซื้อในปริมาณน้อย ลักษณะการซื้อของลูกค้ากลุ่มนี้จึงไม่ค่อยมีความรอบคอบหรือใส่ใจในรายละเอียดของสินค้ามากนัก เพราะหากไม่พอใจในตัวสินค้ามักจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคน้อย
- ตลาดสินค้าเพื่อการอุตสาหกรรม เป็นตลาดที่แคบ กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทกิจการต่างๆ หรือหน่วยงานราชการ ความต้องการในการซื้อจะซื้อน้อยครั้ง แต่จะซื้อในปริมาณมาก และเป็นจานวนเงินมหาศาล ดังนั้นในการซื้อแต่ละครั้งจึงต้องมีเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ความชานาญมีความรอบคอบระมัดระวัง และใส่ใจในรายละเอียดของสินค้าและบริการเป็นพิเศษ เพราะหากเกิดข้อผิดพลาด จะส่งผลกระทบต่อองค์กรนั้นๆ ได้
อิทธิพลที่มีผลต่อระบบการตลาดที่ควบคุมไม่ได้
- ลักษณะของประชากร
- เศรษฐกิจซึ่งสัมพันธ์กับอำนาจซื้อหรือกำลังซื้อ
- การแข่งขัน
- สังคม วัฒนธรรม การเมือง กฎหมาย
- เทคโนโลยี
- สิ่งแวดล้อมและสภาวะทางธรรมชาติ
คุณค่าที่ลูกค้าได้รับ ปลายทางของความรู้สึกรวมสุดท้ายที่มีต่อสินค้าและบริการของบริษัท การที่ลูกค้าจะรู้สึกว่าสินค้าและบริการที่ได้รับจากบริษัทนั้น ลูกค้ามักจะเปรียบเทียบระหว่างคุณค่ารวมของสิ่งที่เขาได้รับกับต้นทุนรวมที่เขาจะต้องเสียไปในส่วนของคุณค่ารวมที่ลูกค้าได้รับนั้น
ลักษณะของคุณค่า
- คุณค่าจากภาพลักษณ์ (Image value) หมายถึงคุณค่าที่ลูกค้าได้รับจากตราสินค้าหรือภาพลักษณ์ขององค์กร
- คุณค่าของบุคลากร (Personal value) พนักงานบริษัทที่มีความรู้ ความเข้าใจในตัวสินค้าและบริการย่อมนำเสนอสินค้าได้ดีกว่าพนักงานที่ไม่ได้รับการอบรม
- คุณค่าของบริการ (Services value) ร้านค้าที่ให้บริการที่เหนือกว่าคู่แข่งย่อมทำให้ลูกค้าประทับใจและเห็นคุณค่ามากกว่าร้านที่มีบริการไม่ดี
- สินค้า (Product value) ตัวสินค้าที่มีคุณภาพ ประณีต ใช้วัสดุที่ดีย่อมได้รับการมองว่ามีคุณค่ามากกว่าสินค้าที่ทำขึ้นเทียมหรือเลียนแบบ หรือคุณภาพต่ำกว่า