การพัฒนาการของการใช้ พลังงานจากแสงอาทิตย์ มาใช้ในชีวิตประจำวัน ..

ในประเทศไทยได้มีการใช้พลังงานในแบบต่างมาก ไม่ว่าจะเป็นกำลังไฟฟ้าที่เป็นพลังงานที่ช่วยหล่อเลี้ยงเมืองไทยให้มีการดำเนินชีวิตอยู่หรือจะเป็นการทำธุรกิจเองก็จึงควรมีพลังงานกระแสไฟฟ้ามาเป็นตัวขับธุรกิจ แต่ว่าพลังงานกลุ่มนี้ก็มีความจำกัดสำหรับในการใช้ ก็เลยได้คิดหาวิธีที่จะหาพลังงานมาตอบแทนก็เลยได้หวังพึ่งพลังงานที่มาจากธรรมชาติ ที่ทุกวันนี้มีให้เห็นได้ชัดเจนสูงที่สุดเป็น พลังงานจากแสงอาทิตย์ ซึ่งพลังงานจากแสงอาทิตย์เป็นประโยชน์ก็เมื่อมีการเอามาปรับใช้ให้กลายเป็นกำลังไฟฟ้าเพื่อชดเชยการใช้กระแสไฟฟ้าในขณะนี้ ซึ่งจากที่รู้ๆกันดีอยู่แล้วว่าพลังงานพวกนี้มีความจำเป็นเป็นอย่างยิ่งสำหรับเพื่อการดำรงชีพของเมืองไทย ก็เลยไม่อาจจะให้หมดไปได้ แล้วก็พลังงานกลุ่มนี้จำเป็นจะต้องมีการใช้ตลอดระยะเวลา ก็เลยทำให้มีการเกิดมีการสร้างสรรค์เทคโนโลยีต่างๆขึ้นมาใหม่เพื่อรองรับกับพลังงานจากแสงอาทิตย์ที่ใช้แทนกำลังไฟฟ้าได้ ซึ่งตอนนี้ได้มีเทคโนโลยีพลังงานแสงตะวันเกิดขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว เพื่อมาประหยัดพลังงานกระแสไฟฟ้าให้ลดน้อยลง และก็ธุรกิจที่มีส่วนเกี่ยวข้องพลังงานจากแสงอาทิตย์นี้ก็จำต้องไม่พ้น ธุรกิจการอุตสาหกรรมด้านที่เกี่ยวข้องกับการผลิต 

พลังงานจากแสงอาทิตย์ อย่างที่ทราบกันอยู่แล้วว่า เป็นพลังงานที่มาจากแหล่งพลังงานที่ไม่สิ้นสุดหรือก็คือพระอาทิตย์ ที่รอกระจายแสงให้ความร้อนรวมทั้งแสงไฟไปทั้งโลกตลอด ซึ่งจากแสงสว่างที่ส่องมานี้เมื่อโดนเป็นระยะเวลานานก็จะกำเนิดความร้อนขึ้นมา รวมทั้งการที่จะนำพลังงานจากแสงอาทิตย์มาใช้งานได้ จำเป็นต้องมีเครื่องไม้เครื่องมือที่มาช่วยสำหรับในการแปลเปลี่ยนสภาพของพลังงานจากแสงอาทิตย์ให้เป็นกำลังไฟฟ้าที่ปรารถนาให้มีการตอบแทน โดยจะใช้แผงโซล่าเซลล์ ซึ่งมีส่วนประกอบของแบตเตอรี่ที่รอเก็บกักพลังงานที่แปลงจากแดดมาเป็นกำลังไฟฟ้ามาเก็บไว้ เครื่องควบคุมการประจุ เป็นตัวประจุไฟฟ้าจากการที่ได้พลังงานจากแสงอาทิตย์มาเป็นกำลังไฟฟ้า รวมทั้งรอช่วยควบคุมการประจุกระแสไฟให้มีจำนวนที่เหมาะสมกับแบตเตอรี่ เครื่องแปลโลภระแสกระแสไฟฟ้า เป็นตัวแปลงกำลังไฟฟ้าที่ได้จากพลังงานจากแสงอาทิตย์ที่ช่วยสำหรับเพื่อการเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสมแก่การใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าจำพวกอื่น แล้วก็แผงโซล่าเซลล์ ที่รับแสงตะวันจากดวงตะวันมาเป็นพลังงาน

ซึ่งจากวิธีทำงานของแผงโซล่าเซลล์นี้ทำให้พลังงานจากแสงอาทิตย์ที่ได้รับมานั้นเปลี่ยนแปลงเป็นกำลังไฟฟ้าซึ่งสามารถประยุกต์ใช้ได้ในตอนนี้ โดยในขณะนี้ได้มีการปรับใช้เทคโนโลยีต่างๆให้สามารถใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ได้ ดังเช่น หลอดไฟฟ้าพลังงานจากแสงอาทิตย์ที่เป็นตัวอย่างที่เผชิญจำนวนไม่ใช่น้อยในตอนนี้โดยทำงานของหลอดไฟฟ้าพลังงานจากแสงอาทิตย์เป็นการได้รับพลังงานจากแสงอาทิตย์มาเปลี่ยนแปลงพลังงานแสงสว่างที่รอให้แสงไฟด้านในหรือข้างนอกบ้าน รวมทั้งสามารถเปิดได้ด้วยตัวเองถ้าเกิดตรงเวลาที่กำลังจะค่ำคืนแล้ว 
ก็เลยทำให้มองเห็นได้ว่าพลังงานจากแสงอาทิตย์สามารถประยุกต์ใช้เป็นพลังงานชดเชยได้ ซึ่งจะเป็นตัวช่วยสำหรับในการลดใช้กำลังไฟฟ้าที่กำลังหมดไปได้

 

ข้อเสียของพื้นอีพ็อกซี่

การเคลือบอีพ็อกซี่ต้องใช้พื้นผิวที่มีรูพรุน และต้องทำความสะอาดก่อนเพื่อให้สารเคลือบติดแน่น สิ่งสำคัญคือการแก้ไขและซ่อมแซมรอยแตกทั้งหมด ก่อนที่จะใช้อีพ็อกซี่• แม้ว่าพื้นอีพ็อกซี่จะทนทานและมีอายุการใช้งานที่ยืนยาว แต่คุณจะต้องเปลี่ยนใหม่จนได้ เพื่อให้มันดูดีอยู่เสมอ เป็นเหตุให้คุณต้องทำการเคลือบอีพ็อกซี่ชั้นใหม่ลงไปบ้าง เพราะมันคือสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อพื้นของคุณต้องรองรับแรงกระแทกหรือของหนักๆ
รอยร้าวสามารถเกิดขึ้นได้เป็นเรื่องธรรมดา หากไม่ได้ทำการเคลือบอย่างมืออาชีพ รอยแตกที่ตอนแรกดูเหมือนจะเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในที่สุดพวกมันสามารถเกิดเป็นรอยขนาดใหญ่ ที่ทำให้เกิดการลอกของสารเคลือบ ถ้าสิ่งนั้นเกิดขึ้น พื้นจะต้องได้รับการซ่อมแซม
การติดตั้งพื้นอีพ็อกซี่ในพื้นที่สาธารณะ อาจจะต้องเพิ่มชั้นของพื้นเมื่อมีการบิ่น
พื้นอีพ็อกซี่ที่ชุ่มน้ำมันหรือเปียกน้ำ จะมีความลื่นสูง ดังนั้นจึงไม่ใช่ความคิดที่ดีสำหรับพื้นที่ที่มักมีการรั่วไหลของของเหลว
การเตรียมพื้นอีพ็อกซี่ค่อนข้างน่าเบื่อ และคุณจะต้องใช้ความพยายามอย่างมาก นอกเหนือจากการ
เตรียมพื้นคอนกรีตแล้ว การเคลือบอีพ็อกซี่เป็นกระบวนการที่ใช้เวลานาน ถ้าคุณต้องการเปลี่ยนพื้น อีพ็อกซี่ที่มีอยู่ จะยิ่งใช้เวลามากกว่าเดิมเสียอีก
อีพ็อกซี่ที่ยังไม่แห้งจะมีควันมาก อีพ็อกซี่สีเข้ม จะยิ่งมีมากกว่าเฉดสีที่อ่อนกว่า อีกทั้งยังเกิดกลิ่นแอมโมเนียเล็กน้อยหลังใช้งาน
การติดตั้งพื้นอีพ็อกซี่ในพื้นที่สำหรับเด็ก เป็นความคิดที่ไม่ดีเท่าไร เนื่องจากร่างกายของเด็กยังอ่อนไหวต่อสภาพแวดล้อม
อีพ็อกซี่ไม่ติดดีในสภาพแวดล้อมที่ชื้น เช่น ชั้นใต้ดิน สีอีพ็อกซี่อาจลอกออกจากพื้น ถ้าใช้ในสภาพแวดล้อมที่ชื้น เนื่องจากวัสดุจะดูดซับความชื้นเอาไว้ หากมีอากาศและไอน้ำอยู่ใต้ชั้นเคลือบ จะทำให้เกิดปัญหาได้เมื่อมันเกิดการระเหย